สรุปข้อเสนอแก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำหลากเมืองเชียงราย

27 กันยายน 2567

จากการหารือขององค์กรภาคประชาสังคม ชุมชน นักวิชาการ ภาคธุรกิจและผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนหนึ่ง มีข้อเสนอเบื้องต้นต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ดังนี้

เหตุการณ์ภัยน้ำหลากถล่มเมืองเชียงราย  เมื่อเดือนกันยายน 2567  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์แบบสุดขั้ว (extream weather) กลายเป็นหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน น้ำกกไหลบ่าเข้าสู่บ้านเรือนในชั่วเวลาอันสั้น ประชาชนไม่มีเวลาได้เตรียมตัว เมื่อน้ำลดลง ทิ้งไว้คือโคลนและเศษซากปรักหักพัง เปรียบเสมือนสึนามิน้ำจืด สื่อมวลชนบางสำนักข่าวเรียกว่าสึนามิโคลน ซึ่งเป็นความเสียหายที่แสดงให้เห็นถึงภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการดำเนินการทั้งเรื่องป้องกัน เยียวยาและฟื้นฟูจึงไม่สามารถใช้แนวทางเดิมเช่นเดียวกับปัญหาน้ำท่วมทั่วๆ ไปแบบที่ผ่านมาได้

ในการประชุมของภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย 2 ครั้งได้ข้อสรุปและข้อเสนอในเบื้อต้นต่อรัฐบาลดังนี้

  1. ภาคเอกชนเสนอให้ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นวันเปิดเมืองเชียงราย โดยกว่า 1 เดือนที่เหลือให้ใช้เร่งเก็บขยะ-โคลน และเศษซากความเสียหายต่างๆออกให้แล้วเสร็จ และเริ่มต้นฟื้นฟูการท่องเที่ยว และภาคเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย
  2. ออกมาตรการในการฟื้นฟูภาคธุรกิจและเอกชน ทั้งรายใหญ่และรายย่อย เช่น ด้านภาษี สินเชื่อ การยกเว้นจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง นอกจากนี้ควรมีมาตรการการดูแลลูกจ้างทั้งแรงงานชาวไทยและแรงงานข้ามชาติซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูและพลิกฟื้นเศรษฐกิจของเมืองเชียงราย
  3. จัดตั้งศูนย์บัญชาการการฟื้นฟูในพื้นที่อย่างเร่งด่วน จัดการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชาวเชียงรายทุกภาคส่วน  ทั้งนักวิชาการ ภาคเอกชน ประชาสังคม สร้างการสื่อสารระหว่างศูนย์แห่งนี้และชาวเชียงราย โดยมีการรายงานความคืบหน้าการฟื้นฟู เยียวยาทั้งภาพรวมของการปฏิบัติการ และรายพื้นที่ มีระบบ Data Center- One Chiang Rai
  4. กำหนดให้เชียงรายเป็นจังหวัดต้นแบบของการรับมือภัยพิบัติ ที่จะมีการติดตามการเกิดภัยตลอดทั้งปี โดยเป็นศูนย์เรียนรู้ทั้งภายในประเทศ และ ภัยพิบัติข้ามพรมแดน
  5. จังหวัดต้องทำแผนที่เสี่ยงภัยทุกชนิดในพื้นที่ ทั้งน้ำหลาก ดินถล่ม ฯลฯ และมีการวางแผนตลอดทั้งปี
  6. มีศูนย์เตือนภัยระดับ ชุมชน (Buttom Up) และมีการเตรียมความพร้อมของชุมชน
  7. รัฐต้องประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการร่วมแก้ปัญหาภัยข้ามพรมแดน
  8. จัดทำระบบเตือนภัยล่วงหน้า realtime แจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือและช่องทางอื่น ใช้ภาษาและรูปแบบที่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าใจได้ง่าย
  9. มีมาตรการฟื้นฟูผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูอาชีพ มีข้อมูลการให้ความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ซ้ำซ้อน
  10. จัดทำแผนจัดการเมืองเชียงรายในระยะกลาง ผังเมืองการใช้พื้นที่ zoning พื้นที่รับน้ำ พื้นที่เสี่ยงภัย และกำหนดแบบแปลนสิ่งก่อสร้างที่เหมาะสมสอดคล้องกับอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อีก

ข้อเสนอแผนฟื้นฟูเมืองเชียงราย (เพิ่มเติม)

ในระยะเร่งด่วน: 

  • จัดจ้างรถตักและจัดการตักและขนขยะน้ำท่วม โคลนออกจากถนนและซอยในชุมชนออกให้เร็วที่สุด ซึ่งการจัดการขยะในครั้งนี้เกินกำลังองค์กรท้องถิ่นที่จะรับมือได้ ให้มีการจัดการขยะหลังน้ำท่วมในรูปแบบการบูรณาการเชิงพื้นที่อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การคัดแยกขยะ การเก็บขน การนำไปกำจัดให้ถูกต้อง
  • จัดส่งรถน้ำล้างถนน ซอย และบ้านเรือนประชาชนเพื่อให้ถนนปลอดโคลน ฝุ่น และทำให้ประชาชนมีบ้านและที่พักอาศัยสะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ
  • พิจารณามาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมดินโคลนถล่มเป็นกรณีพิเศษต่างจากอุทกภัยทั่วไป (การชดเชยความเสียหายของทรัพย์สิน, และการสูญเสียรายได้)
  • จัดตั้งศูนย์บัญชาการการฟื้นฟูในพื้นที่ (มีแถลงการณ์ภายในจังหวัด ถึงความคืบหน้าการฟื้นฟู// สร้างระบบการสื่อสาร ทั้งภาพรวมของการปฏิบัติการ และ รายพื้นที่ )
  • สำรวจผู้ได้รับผลกระทบและชดเชยเยียวยาให้ทั่วถึง (พิจารณากลุ่มผู้ตกหล่นที่ได้รับความเสียหายแต่ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการชดเชย เช่น ผู้เช่าที่อยู่อาศัย หอพัก เป็นต้น)
  • จัดการโคลนเพื่อให้ประชาชนกลับคืนสู่ที่พักอาศัย และระบบบำบัดน้ำเสีย
  • จัดทำ zoning พื้นที่ในการจัดการ อาทิ สีแดงพื้นที่วิกฤติ เช่น กลุ่มตลิ่งทรุด ตัวอาคารได้รับความเสียหายร้ายแรง, สีส้มพื้นที่ต้องใช้เครื่องจักรเข้าไปดำเนินการ เช่น กำจัดโคลนและขยะ, สีเหลืองกลุ่มผู้ต้องได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษในการฟื้นฟูบ้าน เช่น บ้านที่มีผู้สูงอายุ
  • เร่งฟื้นฟูสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ระบบประปา, คุณภาพน้ำ,ไฟฟ้า, ถนน, สะพาน ฯลฯ)
  • ตรวจสอบโครงสร้างความแข็งแรงของอาคาร รวมถึงระบบไฟฟ้าในชุมชนผู้ประสบภัยพิบัติ
  • วางแผนการจัดการลุ่มน้ำภายในประเทศในพื้นที่อื่นที่ข้ามเขตการปกครองระดับจังหวัดร่วมกัน ทั้งในเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ประตูระบายน้ำ ปริมาณฝน เพื่อวางแผนเตือนภัยและรับมือกับน้ำท่วม
  • เร่งเจรจากับเมียนมาเรื่องระบบแจ้งเตือนภัยและการให้ความช่วยเหลือร่วมกัน
  • ให้จังหวัดเชียงรายขออนุมัติงบประมาณจัดสรรเพื่อการฟื้นฟูเมืองเชียงรายเป็นกรณีพิเศษ

ระยะกลาง

  • ถอดบทเรียนน้ำท่วม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ นักวิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชนร่วมกัน แบ่งเป็นการจัดการระดับชาติ การจัดการระดับลุ่มน้ำ และระดับท้องถิ่น/ชุมชน
  • พัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยอุทกภัยให้ตรงกลุ่มผู้ประสบภัย พร้อมทั้งบอกวิธีการรับมือ เช่น ปริมาณและระดับน้ำที่จะมา การระบายน้ำ ระยะเวลาท่วมขัง  รวมถึงพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติดินโคลนถล่ม และการเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้นำชุมชนและประชาชนในการรับมือกับภัยพิบัติ
  • จัดตั้งหน่วยงานสำรวจจัดทำแผนที่ “ความเปราะบาง” ในการเกิดภัยพิบัติ ในระดับจังหวัดร่วมกับชุมชน และกำหนดจุดปลอดภัยในการอพยพหรือรวมพล
  • สำรวจพื้นที่รุกล้ำลำน้ำ พื้นที่ระบายน้ำ (แก้มลิง) พื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม และกำหนดมาตรการในการป้องกัน

ระยะยาว

  • พิจารณางบประมาณสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีและศักยภาพของผู้ใช้งาน ด้านการช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติ เช่น โดรนส่งอาหาร อุปกรณ์บังคับระยะไกลสำหรับการเข้าช่วยเหลือในพื้นที่อันตราย
  • ด้านการจัดการข้อมูลเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ
  • พัฒนาระบบการแจ้งเตือนภัย
  • ระบบการแจ้งข้อมูลขอรับการช่วยเหลือเร่งด่วนในช่วงประสบภัยพิบัติและส่งต่อข้อมูลไปยังผู้ให้ความช่วยเหลือ และการตรวจสอบว่าการช่วยเหลือไปถึง
  • ระบบข้อมูลอุปกรณ์ในการให้ความช่วยเหลือและการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอนุมัติเครื่องมือและอุปกรณ์มาช่วยเหลือในช่วงเร่งด่วน และมีการอนุมัติการใช้งบกลางของระดับจังหวัดในการสนับสนุนค่าเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายอื่น เช่น เรือที่มีประสิทธิภาพสูงในการเข้าไปช่วยพื้นที่อันตราย
  • ด้านการจัดการข้อมูลสิ่งของบริจาคให้ตรงกับผู้ต้องการและทั่วถึง
  • สนับสนุนการวิจัยและการศึกษาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการรับมือกับภัยพิบัติ
  • การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการและรับมือกับภัยพิบัติไปยังทุกกลุ่ม และซักซ้อมแผนรับมือ
  • การจัดการผังเมืองและมาตรการในการป้องกันการรุกล้ำ รวมถึงการอนุญาตให้สร้างสถานที่ราชการในบริเวณที่เปราะบาง

หมายเหตุ ยังจะมีการดำเนินการรับฟังความเห็นและขอ้เสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ในเชียงรายต่อไปเพื่อจัดทำข้อเสนอที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในทุมิติ ทั้งด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สุขภาพกาย สุขภาพจิตของประชาชนในเชียงราย

Like this article?

Share on Facebook
Share on Twitter
Share on Linkdin
Share on Pinterest